วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ น.ส เจสสิก้า เซดูติ
ชื่อเล่น เจสซี่
อยู่ชั้น ม.3/2
โรงเรียน วัดราชโอรส
อายุ 15
เกิดวันที่ 18 พฤศจิกายน 2542
เพื่อนสนิท ณัฐ,ปิ๊ง,อ้อม,แพร,จินนี่,หวา
สีที่ชอบ ชมพู ขาว 
ดาราที่ชอบ แอน ทองประสม,Orlando BloomLiam Hemsworth,Chris Hemsworth,Chris Evans
นักร้องที่ชอบ Celine Dion,Selena Gomez,Demi Lovato,Justin Bieber
ภาษาที่พูดได้ ไทย,อังกฤษ,ฝรั่งเศษ
กีฬาที่ชอบ ice-skate,ว่ายน้ำ
วิชาที่ชอบ ภาษาอังกฤษ ชีวะ
อาหารที่ชอบ แกงส้ม แฮมเบอเกอร์
หนังที่ชอบ The Hobbit,The Lord of The Rings
เพลงที่ชอบ See you again,Power of Love
งานอดิเรก ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นเกม
นิสัยส่วยตัว ฮา ตลก เฟรนลี่
คติประจำใจ ท้อได้แต่ห้ามถอย


อาชีพที่ชอบ

ดีไซเนอร์
           
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ ทำหน้าที่สร้างสรรค์ การออกแบบสิ่งทอเสื้อผ้า รวมทั้งการออกแบบเนื้อผ้า หรือลายผ้าสวยงามเหมาะกับแฟชั่น แต่ละยุคสมัยให้แก่บุคคล และวิธีการตัดเย็บ หรือผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปในทางอุตสาหกรรม และมีการพัฒนาเพื่อให้มีการแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้
ลักษณะของงานที่ทำผู้ประกอบอาชีพนักออกแบบเครื่องแต่งกายจะมีหน้าที่คล้ายกับนักออกแบบเครื่องประดับ หรือนักออกแบบเครื่องเรือน โดยมีหน้าที่ ดังนี้ 
-วิเคราะห์ ศึกษาวัสดุ ที่นำมาออกแบบสิ่งทอ ลายผ้า และเนื้อวัสดุ เพื่อตัดเย็บ และวิธีการตัดเย็บ ควบคุมการตัดเย็บให้เป็น ไปตามแบบที่ออกไว้ 
-ให้คำแนะนำในเรื่องการแก้ไขข้อบกพร่อง ของรูปร่างแต่ละบุคคล โดยมีพื้นฐานความเข้าใจในศิลปะการแต่งกายของไทยโบราณและการแต่งกายแบบตะวันตกยุคต่างๆ ในการออกแบบและขั้นตอนการผลิต 
-นำเทคนิคทางเทคโนโลยีที่มีต่อการสร้างงานศิลป์มาประยุกต์ใช้ โดยจะมีขั้นตอนการทำงาน ออกแบบให้ผู้ว่าจ้างดังนี้ 
   1. ต้องรวบรวมความคิด ข้อมูลที่เป็นสัดส่วนจากลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง 
   2. ศึกษารูปแบบงานที่มีอยู่ ถ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือดัดแปลง เพื่อลดระยะเวลาการทำงานและต้นทุนการผลิตในเวลาเดียวกัน ต้องทำการค้นคว้าวิจัยด้วย 
   3. ทำการร่างแบบคร่าวๆ โดยคุมให้อยู่ในแนวความคิดดังกล่าวให้ได้ตามความต้องการ 
   4. นำภาพที่ร่าง แล้วให้ผู้ว่าจ้างพิจารณา เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาการผลิต รวมทั้งการใช้ วัตถุดิบ และประเมินราคา 
   5. นำภาพร่างที่ผ่านการพิจารณาและแก้ไขแล้วมาสร้างแบบ (Pattern) วิธีที่จะต้องตัดเย็บใน รายละเอียด ปัก กุ๊น เดินลาย หรือ จับเดรปแล้วนำมาลงสีตามจริง เขียนภาพและอธิบายวิธีการทำให้ละเอียด และชัดเจนที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้เพื่อให้ช่างทำตามแบบได้ 
   6. ส่งแบบ หรือชุดที่ตัดเนาไว้ให้ฝ่ายบริหารและลูกค้า หรือผู้ว่าจ้าง พิจารณาทดลองใส่ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องขั้นสุดท้าย 
  7. นำแบบที่ผู้ว่าจ้างเห็นชอบ ทำงานประสานกับช่างตัดเย็บ ช่างปัก เพื่อให้ได้ผลงานตามที่ลูกค้าต้องการ 
สภาพการจ้างงาน  สำหรับนักออกแบบเสื้อผ้า หรือแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีความสามารถและผลงานในระยะเวลาที่เป็นนักศึกษา เมื่อเริ่มทำงานกับบริษัทผลิตและ ออกแบบเสื้อผ้า อาจได้อัตราค่าจ้างเป็นเงินเดือนสำหรับวุฒิการศึกษาระดับประโยควิชาชีพ และประโยควิชาชีพชั้นสูง อาจได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต้นเป็นเงินเดือนประมาณ 8,000 - 10,000 บาท   ส่วนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จะได้รับเงินประมาณ 9,000 - 10,000 บาท หรืออาจมากกว่า ขึ้นอยู่กับฝีมือการออกแบบและประสบการณ์ของนักออกแบบแต่ละคนมีสวัสดิการ โบนัส และสิทธิพิเศษอื่นๆ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของเจ้าของกิจการ  ส่วนมากผู้ประกอบอาชีพนี้ จะมีร้านหรือใช้บ้านเป็นร้านรับออกแบบตัดเสื้อผ้าเป็นของตนเองเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นอาชีพอิสระที่มีรายได้ดี  สำหรับนักออกแบบประจำห้องเสื้อหรือร้านเสื้อใหญ่ๆ หรือโรงเรียนสอนตัดเสื้อที่มีผลงานแสดงเป็นประจำนั้น เป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงและต้องมีผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการแสดงผลงานและคอลเล็คชั่น
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ผู้สนใจในอาชีพนี้ ควรมีคุณสมบัติทั่วๆ ไปดังนี้ 
   1. มีความคิดสร้างสรรค์มีความชอบและรักงานด้านออกแบบ มีมุมมองเรื่องของศิลป์ ความรักสวยงามอาจมีพื้นฐาน ทางด้านศิลป์บ้าง 
   2. มีความกระตือรือร้น ช่างสังเกตว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง กล้าคิดกล้าทำ กล้าที่จะถ่ายทอด 
   3. มีความสามารถในการถ่ายทอด ความคิด หรือแนวคิดให้ผู้อื่นฟังได้ 

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิต

กระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิต
         ในร่างกายมนุษย์มีหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตให้ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด การสูบโลหิตของหัวใจ ทำให้เกิดแรงดันให้เลือดไหลไปตามเส้นเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และไหลกลับคืนสู่หัวใจ โดยหัวใจของคนเราตั้งอยู่ในทรวงอกระหว่างปอดทั้งสองข้างค่อนมาทางด้ายซ้ายชิดผนังทรวงอก แบ่งออกเป็น 4 ห้อง ห้องบนสองห้อง มีผนังเอเทรียม (atrium) ส่วนห้องล่างมีขนาดใหญ่และหนากว่าเรียกว่า เวนทรีเคิล (ventricle) ระหว่างห้องบนกับห้องล่างทั้งสองซีกจะมีลิ้นหัวใจคอยปิด-เปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ
ระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์ประกอบด้วยหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายโดยมีเส้นเลือดเป็นท่อลำเลียงเลือด ระบบไหลเวียนโลหิตประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ เลือด เส้นเลือด และหัวใจ
ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นระบบที่นำสารเข้าและออกจากเซลล์สามารถช่วยในการรักษาระดับอุณหภูมิ ความเป็นกรด-เบส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาดุลยภาพของร่างกาย

       การไหลเวียนโลหิตเริ่มจากการปั๊มเลือดไปตามหลอดเลือดแดงใหญ่เลือดจะไหลไปสู่เส้นเลือดแดงเล็กๆ และเลือดฝอยตามลำดับเนื้อเยื่อต่างๆจะได้รับออกซิเจนและสารอาหารต่างๆจากเลือดในขณะเดียวกันก็จะมีการแลกเปลี่ยนเอาคาร์บอนไดออกไซด์และของเสียต่างๆ จากเนื้อเยื่อไปยังเลือดด้วย จากนั้นเลือดจะไหลจากเส้นเลือดฝอยไปยังเส้นเลือดดำ หลอดเลือดดำขนาดใหญ่และกลับเข้าสู้หัวใจในที่สุด
1. ส่วนประกอบของระบบหมุนเวียนโลหิต
ระบบหมุนเวียนโลหิตประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ เลือด เส้นเลือด หัวใจ
1.1. เลือด   (blood) เป็นของเหลวชนิดหนึ่งในร่างกาย ประกอบด้วย   น้ำเลือด เกล็ดเลือด เซลล์เม็ดเลือดเเดง เซลล์เม็ดเลือดขาว ร่างกายเรามีเลือดอยู่ประมาณ 5 ลิตรหรือคิดเทียบกับน้ำหนักตัวเท่ากับร้อยละ 7-8 ของน้ำหนักตัว  ส่วนประกออบของเลือด เมื่อนำเลือดไปปั่นเหวี่ยงเพื่อทำการแยกชั้น จะพบส่วนประกอบของเลือดต่างๆดังนี้
น้ำเลือด   ( พลาสมา)
น้ำเลือด หรือ  พลาสมา  เป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่มีอยู่ร้อยละ 55 ของเลือดทั้งหมดมีสภาวะเป็นเบส ค่า ph 7.4 ประกอบด้วย   น้ำ 91% สารอื่นๆ เช่น   โปรตีน 7% วิตามิน เกลือแร่ เอ็นไซม์ ฮอร์โมน ก๊าซ 2% ( ทำหน้าที่ลำเลียงเอมไซม์ ฮอร์โมน แก๊ส แร่ธาตุ วิตามิน และสารอาหารประเภทต่างๆ ที่ผ่านการย่อยมาแล้วไปให้เซลล์และรับของเสียจากเซลล์ส่งไปกำจัดออกนอกร่างกาย)
เม็ดเลือด
เม็ดเลือดเเดง  ( มีอายุ 110-120 วัน) ถูกสร้างมาจากไขกระดูก ตับ ม้าม เม็ดเลือดเเดง(มีอายุ 7-14 วัน) โตกว่าเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค เม็ดเลือดขาวโดนทำลายโดย   เชื้อโรค   80%   ไขกระดูก  และ ม้าม ร่างกายคนมีเม็ดเลือดขาว 5000-10000 เซลล์/เลือด 1ml แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
•  ฟาโกไซต์ ( phagocyte) มีวิธีการทำลายเชื้อโรคเรียกว่า " ฟาโกไลซิส " (Phagocytosis)
•  ลิมโฟไซต์ ( lymphocyte) สร้าง " แอนติบอดี้ " (Antibody) เพื่อต่อต้านเชื้อโรค
เกล็ดเลือด
เกล็ดเลือด ไม่ใช่เชลล์ แต่เป้นชิ้นส่วนของเซลล์ รูปร่างไม่แน่นอน มีขนาดเล็ก ไม่มีนิวเคลียส มีอายุประมาณ 3-4 วัน ถูกสร้างมาจากไขกระดูก มีปริมาณประมาณ 150,000-300,000 ชิ้น/เลือด 1 ลูกบาสก์เซนติเมตร นอกจากนี้เกล็ดเลือดจะหลั่งสารเคมี (ไฟบริน) ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล

1.2. เส้นเลือด (Blood  Vessel)   คือท่อที่เป็นทางให้เลือดไหลเวียนในร่างกายซึ่งมี 3 ระบบ คือเส้นเลือดแดง  
เส้นเลือดดำ และเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดในร่างกายแบ่งเป็น 2 ระบบใหญ่ๆ คือ ระบบเส้นเลือดแดง (arteril system) และระบบเส้นเลือดดำ ( venous system)



เส้นเลือดแดง ( artery) คือ เส้นเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจไปยังอวัยวะและส่วนต่างๆ ของ ร่างกายเลือดในเส้นเลือดแดงส่วนมากเป็นเลือดดี นอกจากเส้นเลือดแดงที่ไปยังปอดที่เป็นเลือดเสียเพื่อนำไป ฟอกให้บริสุทธิ์
เส้นเลือดดำ ( vein) คือเส้นเลือดที่นำเลือดเข้าสู่หัวใจส่วนมากเป็นเลือดเสียยกเว้นเส้นเลือดที่มา จากปอดซึ่งจะเป็นเลือดบริสุทธิ์ โครงสร้างของเส้นเลือด

1.3. หัวใจ เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดตลอดเวลาไม่มีการหยุด เพื่อให้กระแสเลือดหมุนเวียนทั่วร่างกายต่อเนื่องกัน หัวใจมนุษย์ แบ่งออกเป็น 4 ช่อง คือ บนซ้าย ล่างซ้าย บนขวา และล่างขวา เลือดที่อยู่ในสองช่องซ้ายจะเป็นเลือดดีที่มาจากปอด เรียกว่าเลือดแดง ส่วนเลือดในสองช่องขวาจะเป็นเลือดที่รับมาจากร่างกายเป็นเลือดที่ใช้ออกซิเจนไปจนหมดแล้ว เรียกว่า เลือดดำ หัวใจช่องล่างจะมีผนังหนาและแข็งแรง และมีขนาดใหญ่กว่าหัวใจช่องบน ระหว่างหัวใจช่องบนและล่างจะมีลิ้นหัวใจเปิดทางเดียวเพื่อให้เลือดจากช่องบนไหลลงช่องล่างได้ แต่ไหลย้อนกลับไม่ได้ กล้ามเนื้อหัวใจจะประกอบด้วยเซลล์เฉพาะ ในขณะที่กล้ามเนื้อหดตัวจะบีบเลือดในหัวใจออกจากช่องล่างโดยเลือดแดงจะกระจายไปยังอวัยวะทั่วร่างกาย แต่เลือดดำจะไหลไปยังปอด ในช่วงคลายตัวหัวใจจะขยายโตขึ้นและดูดเลือดเข้ามาโดยผ่านทางช่องบนและลงมาช่องล่าง สองช่องซ้ายจะรับเลือดแดงจากปอด ในขณะที่สองช่องขวารับเลือดดำจากเซลล์ทั่วร่างกาย และถูกสูบฉีดออกไปเป็นวัฏจักรเรื่อยๆ โดยเลือดดำที่ออกจากช่องล่างขวาของหัวใจไปปอดจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และรับออกซิเจนจากอากาศในปอดกลับกลายเป็นเลือดแดงไหลกลับเข้าสู่หัวใจด้านซ้ายเพื่อถูกสูบฉีดไปทั่วร่างกายต่อไป การบีบตัวของหัวใจทำให้แรงดันในหลอดเลือดสูงขึ้นและเมื่อคลายตัวแรงดันจะต่ำลง แรงดันนี้สามารถทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวและหดตัวสลับกัน ทำให้สัมผัสได้ในลักษณะ การเต้นของชีพจร ซึ่งใช้เป็นการวัดความถี่ในการเต้นของหัวใจ ส่วนแรงดันที่เกิดขึ้นก็สามารถใช้เครื่องมือวัดได้ เช่นกัน เรียกว่า ความดันโลหิต
2. หน้าที่ของระบบไหลเวียนโลหิต
หน้าที่ของระบบไหลเวียนเลือด อาจแบ่งได้เป็นข้อๆ ดังนี้ คือ
          1. ให้อาหาร นำอาหารและสารอื่นๆ ไปเลี้ยงเซลล์ของร่างกาย
          2. หายใจ นำคาร์บอนไดออกไซด์ไปขับออกทางปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนกลับมาใช้
          3. ขับถ่าย นำของเสียซึ่งเกิดจากเมแทบอลิซึม เพื่อขับออกภายนอกร่างกาย
          4. การคงปริมาณสารน้ำของร่างกาย ช่วยควบคุมและรักษาดุลของสารน้ำภายในร่างกาย
          5. การควบคุมอุณหภูมิ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ
          6. ปรับระดับและป้องกัน เลือดที่ไหลเวียนช่วยนำสารบางอย่าง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายไปยังอวัยวะ ต่างๆ และนำสารบางอย่างที่เป็นตัวช่วยป้องกันร่างกายไปยังที่ได้รับอันตรายด้วย

3. การดูแลรักษาระบบไหลเวียนโลหิต
    1. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณไขมันหรือคอเลสเตอร์รอลสูง
    2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและให้เหมาะสมกับวัย ซึ่งจะทำให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น และแข็งแรง
    3. พักผ่อนให้เพียงพอกับวัยสภาพร่างกาย
    4. ทำจิตใจให้ร่างเริงแจ่มใสอยู่เสมอ
    5. หมั่นตรวจสอบสุขภาพตนเอง โดยไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายทุกปี